ผลที่ตามมาของการกลั่นแกล้งอาจส่งผลร้ายแรงต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การหยุดเรียนกลางคัน และสุขภาพร่างกายและจิตใจ หน่วยงานด้านการศึกษาของสหประชาชาติระบุ ในถ้อยแถลงนิยามการกลั่นแกล้งเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกี่ยวข้องกับการกระทำเชิงลบที่ไม่พึงประสงค์ซ้ำแล้วซ้ำอีกเมื่อเวลาผ่านไป และความไม่สมดุลของอำนาจหรือความแข็งแกร่งระหว่างผู้กระทำความผิดและผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ
เด็กที่ถูกรังแกบ่อย ๆ มักจะรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกในโรงเรียนเกือบ 3 เท่า
และมีโอกาสขาดเรียนมากกว่าเด็กที่ไม่ได้ถูกรังแกบ่อย ๆ ถึง 2 เท่า” UNESCO กล่าว
พวกเขามีผลการเรียนที่แย่กว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน และยังมีแนวโน้มที่จะออกจากการศึกษาในระบบหลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาโดยเน้นย้ำว่าการกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ตกำลังเพิ่มสูงขึ้น องค์กรของสหประชาชาติระบุว่าเหตุนี้เป็นผลมาจาก การแพร่ระบาดของ
โควิด-19เนื่องจากมีนักเรียน ใช้ชีวิต เรียนรู้ และเข้าสังคมออนไลน์” มากขึ้นกว่าเดิม สิ่งนี้นำไปสู่ “เวลาหน้าจอที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนและการผสานโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน” ทำให้เยาวชนมีความเสี่ยงสูงต่อการกลั่นแกล้งและการกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ตแม้ว่าการกลั่นแกล้งมักจะกระทำโดยเพื่อนของเด็ก แต่ในบางกรณีเชื่อว่าครูและเจ้าหน้าที่โรงเรียนคนอื่นๆ เป็นผู้รับผิดชอบ การลงโทษทางร่างกายยังคงได้รับอนุญาตในโรงเรียนใน 67 ประเทศ UNESCO ระบุ
การกลั่นแกล้งทางร่างกายเป็นการกลั่นแกล้งประเภทที่พบบ่อยที่สุดในหลายๆ ภูมิภาค
ยกเว้นอเมริกาเหนือและยุโรปที่มีการกลั่นแกล้งทางจิตใจกันมากที่สุดการกลั่นแกล้งทางเพศ – รวมถึงมุกตลก ความคิดเห็น หรือท่าทางทางเพศที่ไม่เป็นมิตร เป็นรูปแบบการล่วงละเมิดที่พบได้บ่อยเป็นอันดับสองในโรงเรียนในหลายภูมิภาค
แม้ว่าความรุนแรงในโรงเรียนและการกลั่นแกล้งจะส่งผลกระทบต่อนักเรียนชายและหญิง แต่การรังแกทางร่างกายนั้นพบได้บ่อยในเด็กผู้ชายนักเรียนรายงานว่ารูปร่างหน้าตาเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของการกลั่นแกล้ง ตามมาด้วยเชื้อชาติ สัญชาติ หรือสีผิวการล่วงละเมิดทางจิตใจเป็นเรื่องปกติมากขึ้น
ในเด็กผู้หญิง UNESCO กล่าวต่อ หลังจากระบุว่า “การแยกตัว การปฏิเสธ การเพิกเฉย การดูหมิ่น การแพร่กระจายข่าวลือ การโกหก การประจาน การเยาะเย้ย ความอัปยศอดสู และการคุกคาม” เป็นวิธีปฏิบัติโดยทั่วไปยูเนสโกยืนยันว่าหลายสิบประเทศมีความก้าวหน้าอย่างมากในการแก้ไขปัญหานี้ โดยยกเลิกความเชื่อที่ถือกันอย่างกว้างขวางว่าการรังแกกันเป็นพิธีกรรมทางความคิดสำหรับเด็ก และแทบไม่สามารถทำได้เพื่อกำจัดมันให้หมดไป
